top of page

Listen to your heart-เสียงกระซิบจากอนาคต 2


ตอนที่ 2:กระดาษที่ว่างเปล่า 000 : เริ่มต้นจาก 0

ก่อนที่คุณจะเห็นภาพจนครบ 333 ภาพ ในวินาทีแรกที่ผมเริ่มต้น....ผมนั่งจ้องกระดาษที่ว่างเปล่า

และคอยฟังเสียงจากอนาคต...

มันเงียบสิ้นดี...

หลายคนที่มีความมั่นคงในการเงินและชีวิตเคยบอกกับผมว่า

จังหวะและเวลานั้นสำคัญ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดขึ้นในตอนไหน

แต่แน่นอนว่า

มันจะเกิดขึ้นระหว่างทาง ในขณะที่เรากำลังลงมือทำบางสิ่ง

ในเส้นทางแห่งฝันที่กำลังเดินอยู่นั้น

ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่า การพบเจอกับมิตรใหม่ครั้งนี้

จะนำบางอย่างมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตผม

การปรับตัวที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงจากกระดาษที่ถูกวาดขึ้น

จากกาแฟที่ผมต้องดื่มเป็นประจำทุกเช้าวันละแผ่น

ใช้เพียงพู่กันจีนกับดินสอไม่ต้องเตรียมอะไรมาก

ด้วยเพียงเหตุผลง่ายๆที่ผมเลือก คือ มันง่าย มันสื่อถึงการหยุดพัก เพื่อขบคิดความตื่นตัวของสมอง การละเลียดกับความคิด ไอเดีย

ที่สำคัญคือการฝึกวินัยของตัวเอง ให้เป็นคนหัดคิดแง่บวก

โดยไม่หลงทางพังพินาศอีก....

ผมเคยก็คิดบวกจนชีวิตเกือบพินาศ

และเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมเริ่มต่อต้านการคิดแง่บวก

ผมสะอิดสะเอียนกับมนุษย์โลกสวยสุดๆ ดูเหมือนพวกเขาเสแสร้ง

พวกเขาจำคำพูดของใครสักคน แล้วลอกประโยชน์บอกต่อกันมา

จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่เราจะมองเห็นปลายทางไม่ยากนัก

ความจริงคือ มันต้องมีทั้งคนที่สำเร็จและคนที่ล้มเหลว

และแน่นอนว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่พูดถึงคนล้มเหลว

แต่จะดึงคนสำเร็จมาพูดเพื่อเสริมประโยชน์สุดคลาสสิกที่ส่งต่อกันมา

ให้ดูเป็นจริงมากที่สุด โดยปลอบคนล้มเหลวว่าต้องฝึกฝนตนเองพอที่จะสำเร็จ

ไม่อย่างงนั้นก็อาจต้องย่อยสลายสู่โลกกันไปเอง

พวกเขาพร้อมจะลืมบุคคลที่ล้มลงอย่างง่ายดาย

เหมือนนักวิ่งในสนามแข่งที่มีเป้าหมายเพียงเส้นชัยข้างหน้า

และสาเหตุหลักๆที่คนคิดบวกต้องล้มลงและถูกพวกเดียวกันทิ้งไว้ข้างหลัง

นั่นคือ มองเห็นทุกอย่างนั้นงดงาม

แม้กระทั่งหมาป่าที่แฝงตัวมาในฝูงแกะ

เพราะในช่วงเวลานั้น ทันทีที่ผมคิดบวกโลกสวยแบบนี้

ผมจะถูกเอาเปรียบ ถูกหลอกอย่างง่ายดาย

ทุกครั้งที่เกิดปัญหาไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไร

ผมจะให้โอกาสพวกเขาด้วยการลืมคำโกหก เล่ห์กล แผนการเหล่านั้นเสีย

ผมคิดและมองว่ามนุษย์ทุกคนนั้นล้วนมีพื้นฐานคือความดี

ทุกการกระทำที่พวกเขาส่งผ่านมาถึงผม จะถูกแปรเป็นพลังงานที่ดีหมด

แม้กระทั่งการถูกโกง ถูกเอาเปรียบ

ผมยังคิดว่าเพราะเขามีสถานการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นเขาถึงทรยศต่อคำพูด

ความสัมพันธ์ทำให้ผมต้องรับอาสาทำงานที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันเพียงลำพังเสมอ

ทำงานฟรีเป็นปีๆโดยไม่ได้รับปันผลจากกำไรที่ได้รับตามข้อตกลงแม้แต่บาทเดียว

พวกเขาเหล่านั้น จึงต่างพากันคิดว่า ผมหลอกง่าย เชื่อคนง่าย ไม่รอบคอบ

และพร้อมใจที่จะเชื่อในลมปากของพวกเขาเสมอ

นี่ยังไม่รวมกับวัยเด็กที่ต้องเผชิญกับคำลวงเสมอทั้งจากคนใกล้ตัวที่ไว้ใจ

และคำลวงจากคนไกลตัวที่ต้องการเพียงความสะใจ

และในที่สุด

ผมก็ผิดหวังกับความคิดคิดแง่บวกกับทุกสถานการณ์

ผมได้รับบาดเจ็บจากการคิดบวกมานานเกินไปแล้ว

ผมเริ่มเข้ากับผู้คนยากขึ้น ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ

และทุกคนที่เข้าใกล้ความรู้สึกผมมากเกินไป

จะถูกกันออกเพื่อไม่ให้สนิทสนมกันมากไปกว่าที่เป็นอยู่

โลกของผมจึงดูโดดเดี่ยว แม้มีผู้คนรายล้อมอยู่มากมาย

ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเสียงหัวเราะ

แต่ภายในใจนั้นกลับป้องกันตัวเองไว้ไม่ให้ข้องเกี่ยวด้านความรู้สึกกับใคร

ผมไม่อยากสนิทกับใครและไม่เคยไว้ใจใครอีก

ผมเข็ดกับการทำดีกับใครสักคนที่ผมเชื่อใจ

ในสายตาของคนอื่นผมจึงดูคนหยิ่ง เข้าถึงยาก

แต่แท้จริงแล้วคงเป็นเพราะผมไม่อยากผิดหวัง

และครอบครัวต้องมารับผลกระทบที่ไม่ได้ก่อขึ้นจากการกระทำของผมอีก

พวกเขาไม่สมควรได้รับบาดแผลโดยไม่เจตนาของผมซ้ำๆอีกต่อไป

จนกระทั่งการเดินทางครั้งนี้

ทำให้ผมได้กลับมามองตัวเองอีกครั้ง

ด้วยภาพวาดและเสียงที่กึกก้องอยู่ในใจที่ส่งออกมาสู่ความคิดในแต่ละวัน

เป้าหมายคือ การกลับมามองโลกตามความจริงอีกครั้ง

ผมต้องทำความคุ้นเคยและรู้จักกับเสียงจากภายในนี้

ซึ่งในที่สุด ผมก็เข้าใจถึงวิถีแห่งการมองโลกในแง่บวก

อย่างที่ควรจะเป็นผ่านประสบการณ์ จากงานวาดและเขียนในชุดนี้

2 ภาพแรก เกิดขึ้นโดยไร้แผนการ ไร้เป้าหมาย

รู้แต่เพียงว่าต้องเริ่มลงมือทำ วาดอะไรสักอย่างที่สัมผัสได้

ด้วยเทคนิคที่ง่าย สะดวกที่สุด เพื่อปลดปล่อยความคิดออกมา

เริ่มต้นนาทีชีวิตใหม่ในทุกวันกับเวลาในช่วงเช้า

เหมือนงานศิลปะเป็นทั้งยาระบายทางความคิด

และในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างภาพที่ดีของความคิด

ผมกลับมามองโลกแบบวันต่อวัน

ในภาพที่ 3 นี่เอง เป้าหมายของการทำงานชุดนี้จึงเกิดขึ้น

ช่วงเช้ามืด 03.30 น.

ซึ่งเป็นเวลาที่ผมต้องสะดุ้งตื่นทุกเช้าแบบนี้มาหลายเดือน จำนวน 333 ภาพ

และความรู้สึกของแต่ละภาพต่อจากนี้ไป คือ มุมมองที่ผมเก็บไว้ได้ในทุกวัน

หลังจากที่ตัดสินใจที่จะออกจากความรู้สึกลบเพียงด้านเดียวของตัวเองให้เด็ดขาด

ก่อนที่ภาพชุดนี้ จะหลายร่างเป็นอีกหลายสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงว่า

งานชุดนี้จะสามารถค่อยๆปรับความคิดของผมได้วันต่อวัน

มันสอนผมในทุกๆวันจนกระทั่งผมกับสังคมเริ่มกลับมาเป็นมิตรกับโลก

และสังคมบางส่วนที่ผมเลือกอีกครั้ง

แต่การกลับมาครั้งนี้กลายเป็นโลกที่มีกระแสพลังงานครบครันทั้งบวกและลบ

จนเกิดพลังงานและความสมดุล

ภาพทุกภาพที่วาดในทุกเช้าจะสื่อความหมายในตัวของตัวเอง

แต่เมื่อรวมตัวกันจะเกิดเป็นก้อนพลังงานขนาดใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิด

จนเกิดแรงกระเพื่อมถึงชีวิตของผม

ภาพที่ได้จากกาแฟชุดนี้ 333 ภาพ ผมใช้เวลาวาด 1 ปี

และหากรวมกับการเรียบเรียง รวมรวมจนเป็นเล่มทั้งหมดนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปี

และในที่สุดงานชุดนี้ของผมได้ถูกคัดเลือกเพื่อจัดแสดงผลงานทางด้านศิลปะคู่กับศิลปินจากเกาหลี คิมเทฮอน ที่กรุงโซลในช่วงปีที่ 3 ของการเสร็จสิ้นของผลงาน

เรื่องราวบรรจุอยู่ในผลงานชุดนี้

เริ่มแรกผมตั้งใจเพียงรวบรวมผลงานชุดนี้เพื่อมอบกับคนที่ผมรัก คนที่ผมห่วงใย

โดยพวกเขาเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องพบกับเรื่องลวงหลายๆเรื่องระหว่างเส้นทางชีวิต

ที่พวกเขาต้องผ่านพบ มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

ไม่ต้องคอยไปวิ่งตามนิยามความสำเร็จที่ถูกลอกต่อๆกันมา

โดยไม่รู้จักกับเสียงภายในของตัวเอง

และมันกำลังบอกอะไรกับผู้คนอีกจำนวนมากที่กำลังต้องการ

โดยเฉพาะผู้ที่กำลังสับสน เสียงจากภายในของตัวเอง

ผู้ที่ต้องต่อสู้กับด้านมืดของตัวเองมาตลอดเวลา

และพยายามบอกกับตัวเองว่า "ฉันกำลังค้นหาตัวเอง"

ทันทีที่คุณได้อ่านและทำความเข้าใจผ่านความรู้สึกของคุณเองในทุกวัน

เมื่อหันกลับไปมองโลกในมุมเดิมอีกครั้ง โลกของคุณจะชัดเจนขึ้น

คุณจะมองเห็นการเคลื่อนตัวของผู้คนที่ช้าลง

จะมองเห็นริมฝีปากของหมู่คนที่แสแสร้งค่อยๆขยับตัวพ่นลมจากปอดออกมาทางปาก

จะมองเห็นใบหน้าและรอยยิ้มที่จริงใจ เห็นรอยยิ้มกว้างไปด้วยความกล้า

ยิ้มที่พยายามฝืนยกมุมปากที่เจือปนไปด้วยความเศร้า

หรือ กำลังเตรียมพ่นการโกหกหลอกลวงมาอีกครั้ง

ในทุกภาพจะมีการสร้างคำถามและให้เรามองหาคำตอบของตัวเองที่มีอยู่ภายใน

โดยเมื่ออ่านมากขึ้นคำตอบจะค่อยๆถูกเฉลยด้วยตัวตนจากอนาคตของเราเอง

เราจะเริ่มคุ้นเคยเสียงแห่งความสำเร็จของเราเองจากอนาคตที่มาจากอีกเส้นขนาน

ซึ่งเดินทางกลับมาเพื่อบอกเส้นทางที่ใช่ให้กับเรา

ผมแนะนำให้ดูภาพก่อน

จากนั้นคุณลองฟังเสียงภายในที่ส่งออกมาว่าแต่ละภาพกำลังบอกอะไร

และค่อยดูข้อความที่ผมเคยได้รับ จากนั้นก็ลองนำข้อความมารวมกัน

จนกลายเป็นเสียงอันเจาะจงของคุณเอง

และอยากให้เปิดอ่านหลายๆรอบ พูดคุยกันเสมอ

ซึ่งผมเองใช้เวลา 1 ปีในการทำความรู้จักกับเสียงที่แท้จริงของตัวเอง

เพราะบางถ้อยคำคุณจะสามารถมองเห็นและสัมผัสได้เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมเท่านั้น

สิ่งที่ผมเขียนจึงมีมิติที่มากกว่าเพียงภาพวาดหรือตัวอักษรที่เอามาเรียงต่อกัน

แต่จะถูกเติมเต็มด้วยจิตวิญญาณที่ผ่านประสบการณ์จากตัวผมและตัวของคุณเอง

จนกลายเป็นคำตอบอันเฉพาะที่เราพยายามค้นหาในที่สุด

.................................................... เริ่มชมภาพกันตอนหน้า ตอนที่3.................................

Next >> ตอนที่ 3:เสียงที่เราได้ยินเพียงลำพัง หมวดที่ 1: รู้จักตัวเอง 001-111 ภาพที่ 001-007 001/333 : ในความว่างเปล่า

F e  a  t  u  r  e  d        P  o s  t s
R  e  c  e  n  t            P  o  s  t  s
S  e  a  r  c  h     B y     T  a  g  s
bottom of page