top of page
001.jpg

About me:

1991 คือปีที่ผมเริ่มทำงานเกี่ยวกับ จักรวาล ดวงดาว ความเชื่อ
ในความคิดของผมนั้นมีแต่ความโล่ง กว้าง เห็นหมู่ดาวน้อยใหญ่
ผมมักนั่งมองท้องฟ้าบ่อยๆ และเหม่อลอยเป็นประจำ
วิธีการที่ผมจะกลับมาอยู่บนดาวโลกดวงนี้ คือ การวาดรูป

ผมใช้เวลาอยู่กับการวาดภาพ ฝึกฝน 
และอยากอยู่กับความจริงบนโลกใบนี้ให้น้อยที่สุด
จนกระทั่งผมเริ่มหันกลับไปฝึกฝนวาดภาพเหมือนอีกครั้ง
จินตนาการกับผมจึงถอยห่างกันมากว่า 10 ปี

.

ช่วงเวลานั้นผมหันกลับมาวาดภาพคนเหมือน ภาพวิว ดอกไม้
และอื่นๆในแนวเหมือนจริงบ้าง อิมเพลสชั่นนิสม์บ้าง
ในขณะเดียวกัน ก็ใช้เวลาอยู่กับธุรกิจที่บ้าน และธุรกิจอื่นๆ
ซึ่งแม้ผมจะทำงานอื่น โดนสารพัดบททดสอบ จากมนุษย์
แต่ก็ยังวาดภาพอยู่และส่งต่อทักษะที่มีอยู่ให้ผู้สนใจเสมอ

ทั้งวาดและเขียน บางทักษะมีไว้บำบัด รักษาผู้คน
ที่มีหลายอาการด้วยงานศิลปะ ตั้งแต่ ผ่อนคลาย 
กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง สมาธิสั้น ไฮเปอร์ จนถึงออทิสติก
ผมใช้เวลาทุกช่วงที่ผมมีนั้นวาดและวาด 

.

ผมเริ่มสังเกตุเห็นการพัฒนาการทางความคิด
ที่เติบโดขึ้นมาเรื่อยๆ จากกลุ่มดวงดาวในจักรวาล
ที่มีภาพจินตนาการเป็นสัตว์ร้ายต่างๆ
กลายเป็นเด็กน้อยร่างสีทอง เข้าสู่หลุมใหญ่กลางจักรวาลที่ไร้ขอบเขต

กลายเป็นสมอง เส้นประสาท คลื่นสั่นสะเทือน นิวรอน
จนปี 2015 ภาพ 333 ภาพจากกาแฟ ในทุกเช้าตอนตี 3
ที่เพิ่มหลายๆแนวคิดจากวันนั้นมาจนถึงปจจุบัน
และในปี 2016 เป็นภาพเพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาผู้คนทางด้านความคิด
แบ่งเบาความรู้สึก ชลออารมณ์ที่ร้อนรน หุนหันพลันแล่น
ในตัดสินใจช้าขึ้นมองหลายมุมมากขึ้น
กระทั่งถึงภาพล่าสุดเมื่อวันที่ 09/08/16 

.

ผมย้อนกลับมาเปิดสมุด ชมงานของตัวเองอีกครั้ง
นั่งมองพัฒนาการของตัวเอง เหมือนดูหนังสักเรื่องหนึ่ง
ทุกอย่างไม่ได้มาแบบไร้เหตุผล การเวลาของความคิด
ถูกบันทึกด้วยภาพวาด กว่า 25 ปี จากเด็กร่างสีทอง
ที่ท่อถูกต่อเข้าเพื่อลมหายใจขาดสะบั้นลง ผ่านหมู่ดาว
จนปรับเปลี่ยนร่างไปหลายสถานะ 

.

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นในภาพของผมเสมอมาคือ
แสงสว่างที่หน้าผากและกลางอก 
จากธาตุทองที่ผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก
วันนี้ได้กลายเป็นเพชรที่ถูกเจียรไนจากประสบการณ์
จนเป็นภาพอย่างที่เราได้เห็นด้วยกัน

ไม่มีสาระอะไรหรอกครับ แค่เล่าที่มาของภาพให้ฟังกันเฉยๆ
ถึงงานซึ่งมีที่มาโดยผมคิดว่ามันบังเอิญ
แต่เมื่อย้อนกลับไป มันกลับไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะครับ

ด้วยความรัก

-วิทยาศรีม่วง-
Kenny Keng

bottom of page