ว่ากันว่ากินกิมจิแล้วทำให้หน้าเด็ก ผิวดี แถมช่วยป้องกันมะเร็ง
กิมจิ 김치 อาจเพี้ยนมาจากคำว่า "ชิมเช" ที่แปลว่าผักดองเค็ม รสชาติของกิมจิ ก็แล้วแต่ละสูตรของแต่ละตระกูลละครับ เพราะต่างคนต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เรียกว่า สูตรใครสูตรมัน เหมือนๆกับไทยเราที่ผัดกระเพราะร้านไหน เด็ดกว่ากัน ชอบร้านไหนก็ไปร้านนั้น ปลาร้าแต่ละเจ้าก็รสชาติต่างกัน ไม่มีรสชาติที่เป็นสากลแป๊ะๆ มีแต่สัมผัสที่เป็นสากลว่า...ใช่ นี่แหละ รสชาติของฉํน กิมจิ จึงไม่ใช่เพียงผักดองธรรมดา เพราะกิมจินั่นมีกรรมวิธีการทำหลายขั้นตอน มีส่วนผสมหลายอย่าง บางแห่งก็รสออกเผ็ดๆ บางแห่งก็จะไม่เผ็ด บางแห่งออกหวาน เปรี้ยว เผ็ด กำลังดี บางแห่งก็เปรี้ยวเผ็ดขมนิดๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเผ็ด เปรี้ยว ออกเค็ม และมีกลิ่นฉุน เพราะหมักกับเกลือทีละใบๆ
กิมจิเป็นอาหารเกาหลีประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาก้นครัวดั้งเดิมของชาวเกาหลี
ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่าง ๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว สรรพคุณของกิมจิจึงมาได้จากหลายเหตุปัจจัย
สาเหตุหลัก คือการถนอมอาหารเพราะคนเกาหลีต้องการเก็บผักไว้ทานในหน้าหนาว
เขาจึงได้นำผักชนิดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผักสีขาวเช่นผักกาด มาหมักรวมกัน
กับ กระเทียม ขิง พริก จนได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบ้าน
ซึ่งชาวเกาหลีนิยมรับประทานกิมจิเกือบทุกมื้อ และยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบอาหารอีกหลายอย่าง
เช่น ข้าวผัดกิมจิ กินแกล้มกับข้าวต้ม ข้าวสวย ซุปกิมจิ บะหมี่ ตลอดจนเป็นเครื่องเคียงในทุกมื้ออาหาร
ปัจจุบันกิมจิมีมากกว่า 187 ชนิด ย้ำว่ามากกว่า 187 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน
แม้ปัจจุบันมีการทำกิมจิแบบสดขายตามตลาด(ในเกาหลี)หรือบริษัทผลิตอาหารสำเร็จรูปขายตามห้างสรรพสินค้าก็ตาม
แต่ชาวเกาหลีก็ยังนิยมทำกิมจิกินเองที่บ้านโดยเฉพาะคนรุ่นก่อนๆนี้แถวนอกเมืองทำกันไว้ทุกบ้าน
เฮลท์แม็กกาซีน (Health Magazine) ได้จัดกิมจิให้เป็น 1 ใน 5 อาหารที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก
ซึ่งตรงกับคำพูดของคนเกาหลีที่ว่า “กินกิมจิทุกวัน ไม่ต้องไปหาหมอ”
ทั้งนี้เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยวิตามินหลักอย่าง A B และ C ที่ช่วยในการย่อยอาหารแล้ว
ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรคเพราะมีสาร Antioxidant ต่าง ๆ
และมี Probiotic ที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร ไฟเบอร์ในผักยังช่วยในการขับถ่ายดีขึ้น
นอกจากนี้กิมจิยังมีจุลินทรีย์ที่ดี แลคโตบาซิลัส
ที่ให้กรดแลคติกหลังจากการหมักเหมือนในโยเกิร์ต และยาคูลท์
ในกิมจิยังอุดมด้วยวิตามิน ช่วยในการย่อยอาหาร และอาจจะช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ด้วย
ซึึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการย่อยหรือขับถ่าย เพราะกิมจิจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น เราจะสังเกตได้ว่าคนเกาหลีนิยมกินกิมจิในมื้อที่มีอาหารย่อยยาก ๆ อย่างพวกเนื้อสัตว์ พวกปิ้งย่างนี่ขาดกิมจิไม่ได้เลยเด็ดขาด ยิ่งบนโต๊ะอาหารในแต่ละมื้อยิ่งขาดไม่ได้
กิมจิ ช่วยลดระดับไขมันในร่างกาย มีการศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศเกาหลี พบว่า
การทานกิมจิอย่างสม่ำเสมอสามารถลดระดับไขมัน LDL และ Cholesterol ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติ ไขมันสองชนิดนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเหลือดสมอง
การลดระดับไขมันจึงช่วยลดโอการเกิดโรคต่างๆได้ โดยส่วนประกอบในกิมจิที่ช่วยลดไขมันคือ กระเทียม
เนื่องจากกระเทียม มี sillinuim และ allicin ซึ่งช่วยในระดับไขมันในร่างกายได้ดี
กิมจิ ช่วยเรื่องการมองเห็นที่ดี
เพียง 100 กรัมของกิมจิ มีส่วนประกอบของวิตามินเอ มากถึง 18% ของที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
ซึ่งวิตามินเอ มีส่วนสำคัญที่ช่วยในการมองเห็น และช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นอีกเหตุผลที่ว่ากันว่าทำให้สาวๆเกาหลีนั้นหน้าใสอ่อนกว่าวัย
กิมจิ ช่วยให้ผิวสวย ผมสวย
ไม่เพียงแค่จะทำให้ภายในร่างกายเราดี กิมจิยังทำให้ภายนอกของเราดูดีด้วย กิมจิมีทั้งวิตามิน เอ บี ซี และ Sillinium ซึ่งกระตุ้น Glutatione ทำให้ผิวพรรณ และเส้นผมของผู้ที่ทานเป็นประจำนั้นสวยและแข็งแรง
กิมจิ ช่วยป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร
ทั้งประโยชน์จาก Probiotics และประโยชน์จากผักที่ใช้ทำกิมจิ ทำให้กิมจิช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งทางเดินอาหาร ทั้งมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้เล็ก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่
กิมจิ ช่วยให้ดูอ่อนวัย
เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมคนเกาหลีถึงดูเด็กอยู่เสมอ ความลับนั้นอาจจะมาจากกิมจิก็ได้ เพราะในกิมจิมี Antioxidants หรือสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย ช่วยให้เราสามารถต่อสู่กับมลภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน จึงช่วยทำให้ยังดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ แม้ว่าจะเจอสภาวะเครียดเพียงใด
กิมจิ ช่วยลดน้ำหนัก
กิมจิ 150 กรัมมีพลังงานเพียง 40 กิโลแคลอรี่เท่านั้น กิมจิช่วยในกระบวนการย่อยอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต และพริกที่ผสมในกิมจิ ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้ช่วยลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
กิมจิ ป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหาร
หนึ่งในสาเหตุหลังของการเกิดโรคกระเพาะอาหารคือเชื้อ H. Pylori ซึ่งการทานกิมจิทำให้ป้องกันการเติบโตของเชื้อตัวนี้ในกระเพาะอาหาร ลดโอกาสเกิดโรคกระเพาะอาหาร รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย
กิมจิ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนประกอบในกิมจิ ทั้ง กระเทียม ขิง พริก หัวหอมใหญ่ มีส่วนอย่างมากในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ดังนั้นการทานกิมจิเป็นประจำ ช่วยลดโอกาสเกิดไข้หวัด หรือลดโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ ประโยชน์ในด้านสุขภาพของกิมจิที่หลายคนชอบมากโดยเฉพาะสาว ๆ โดยเฉพาะกิมจินั้น เป็นอาหารที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนักหรือรักษาหุ่น เพราะว่ากิมจิจัดเป็นอาหารที่อยู่ในกลุ่ม Low Cal / High Fiber หรือให้พลังงานต่ำแต่ไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้คนที่กินกิมจิเป็นประจำสามารถรักษาหุ่นให้ดูดีได้อยู่เสมอ โดยเฉลี่ยคนเกาหลีกินกิมจิประมาณวันละ 100 กรัม แต่เท่าที่ผมสังเกตุรอบข้างผมเหมือนจะมากกว่านั้น
กิมจิ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล มีการศึกษาพบว่า การทานกิมจิช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในปกติ จึงมีผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การทานกิมจิ สามารถทานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งทานเป็นเครื่องเคียงอาหาร นำมาทำข้าวผัดกิมจิ นำทำซุปกิมจิ กินกับก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และสารพัดเมนูที่เราออกแบบได้ด้วยตัวเอง
กิมจิยิ่งกินยิ่งมีประโยชน์ โดยเฉพาะผักที่เอามาทำกิมจิเป็นสุดยอดผักแล้วยิ่งทำให้มีประโยชน์หลายเท่า
ยิ่งกิน ยิ่งหลงใหลในรสชาติของทุกมื้อ ที่เราสามารถสร้างสรรได้ด้วยตัวเราเอง แนะนำจะทำเองหรือหาซื้อไว้ติดบ้านกันนะครับ
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย,วารสารงานวิจัยประโยชน์ของกิมจิ
Comments